พล็อตธรรมดา และชวนฝันมากค่ะ แต่ถ้าเราตัดเกรดหนังหลังดูจบแบบหยาบๆ เป็น ผิดหวัง-สมหวัง-เกินคาด หนังเรื่อง The Idea of you จะอยู่ในกลุ่ม ‘เกินคาด’ ในแบบที่น่าจะเป็นอันดับหนึ่งของหนังรักที่เราชอบมากที่สุดในปีนี้แบบนับตั้งแต่ต้นปีมา
เราจะข้ามความสวยเป๊ะ เก๋ไก๋ แต่งตัวสวยมากทั้งเรื่อง ของ Anne Hathaway และเสน่ห์ที่น่าว้าวมากๆ ตอนเข้าคู่กันของ Anne และ Nicholas Galitzine ไปเลยนะคะ พลังเต็มหลอดมาก
สิ่งที่ทำให้เราชอบมากๆ จริงๆ มีอยู่ 2 อย่าง
อย่างแรกคือบทสนทนาในเรื่อง ด้วยความสถานการณ์มันคือเดทกับคนดังน่ะนะ มันก็แอบๆ แหละ ส่วนใหญ่ในช่วงพัฒนาความสัมพันธ์มันก็คือหลบอยู่ในที่ส่วนตัวแล้วก็คุยกัน ซึ่งเราชอบบทสนทนาที่อยู่ในเรื่องมาก มันเป็นธรรมชาติประมาณนึง ลงลึกประมาณนึง มีอารมณ์ขัน แล้วก็ใช้เวลาสั้นๆ ทำให้เห็นว่าสองคนนี้ นอกจากจะดึงดูดกันในฝั่งเสน่หาแล้วเค้าเชื่อมต่อใจกันในฐานะมนุษย์ยังไง
อย่างที่สองคือ เราชอบที่ตัวละครในเรื่อง โดยเฉพาะนางเอก ซื่อตรงกับตัวเองมากๆ มันไม่มีใครทำตัวถือดีว่าฉันรู้ทุกเรื่องในความสัมพันธ์ ฉันเก่ง ฉันเจ๋ง หรือเล่นเกมใส่กัน เน้นย้ำทำให้เห็นด้วยว่ารักไม่ใช่เรื่องของคนสองคน มันมีสิ่งต่างๆ รอบตัวเป็นปัจจัยมากมาย และทุกคนพยายามเต็มที่ ทำดีที่สุดแล้วเท่าที่สมองและหัวใจของตัวเองในตอนนั้นจะพยายามทำได้ ซึ่งมันทำให้ชวนรัก และช่วยทำให้เรารู้สึก ‘เข้าใจ’ เค้ามากๆ
มนุษย์มันเป็นแบบนี้จริงๆ ต่อให้สวยหล่อ ร่ำรวย มากแค่ไหน แต่มนุษย์ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ ‘เข้าใจได้’
อีกเรื่องหนึ่งที่เรียกว่าค่อนข้างชอบเหมือนกัน คือการที่ตัวร้ายในเรื่องนี้คือ มวลหมู่มหาชนประชาชนผู้เสพย์สื่อบันเทิงอย่างเราๆ นี่แหละค่ะ ที่ต่างมีส่วนกันแบบไม่น้อยก็มาก ในการสร้างปัญหาให้กับชีวิตศิลปิน คนดัง มวลมันคือ ตัดสิน คุกคาม สาดอารมณ์ใส่ ใช้ถ้อยคำคึกคะนอง บางครั้งเป็นในนามของความรักความชอบ ความหวังดีด้วยนะ ให้ทั้งประโยชน์และเป็นทั้งโทษในแบบที่ไม่รู้เลยว่ามันหักลบกลบหนี้กันได้ไหม
ความต่างด้านอายุของพระเอก-นางเอก ดูไม่ใช่ปัญหาของคู่ในมิติส่วนตัวสักเท่าไหร่ เขาคุยกันรู้เรื่อง เข้ากันได้ มีบทสนทนาที่ลื่นไหล เซ็กส์ก็ดูดีลงตัว แต่เหมือนมันจะค่อนข้างหนักหัว หนักความคิดคนอื่นซะแบบนั้น ดูแล้วก็นึกๆ ว่า เออ… ทำไมหนอ ถึงจะไปตัดสินคนที่ตัวเองมองเห็นและอาจจะชื่นชอบ แต่จริงๆ แล้วแทบจะไม่รู้จักว่าเค้า เหมาะ ไม่เหมาะ กับใคร
เราชอบมากที่มันทั้งชวนฝัน และเป็นจริงไปพร้อมๆ กัน มีอารมณ์ขัน แต่ก็ไม่ลืมที่จะลงลึกถึงหัวใจความเป็นมนุษย์ กิมมิคนาฬิกาในความสัมพันธ์ของพระเอก-นางเอก น่ารักมาก
เราว่าหนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้สร้างสรรค์ที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ เค้าทำหนังแบบคนที่เข้าใจธรรมชาติของหนังรัก เค้าใส่ใจจริงจังกับการสร้างเคมีระหว่างคู่นักแสดงมาก (ซึ่งจำเป็นมากๆๆๆๆ ในหนังรัก) เค้าทำบทสร้างอุปสรรคสถานการณ์แบบคนที่ค่อนข้างเข้าใจโลก และที่สำคัญ มองมนุษย์อย่างสวยงามอ่อนโยน และเทิดทูนความรักมากทีเดียว
รออะไรล่ะ ตามไปดูแล้วกลับมาคุยกันค่ะ ว่าชอบมั้ย 🙂